บทความตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของ Traditional Elliott Wave แล้วนะครับ แต่เรื่องราวของ Elliott Wave จะยังไม่จบแค่นี้เพราะ ตั้งแต่บทความตอนหน้าเป็นต้นไปเราจะมาศึกษา Elliott Wave ในมุมของนักปฏิบัติกันดูบ้าง ซึ่งเราจะเรียก Elliot Wave แบบนี้ว่า Harmonic Elliott Wave ซึ่งส่วนตัวผมใช้การนับแบบหลังนี้
แต่ก่อนจะถึงตรงนั้น เรามาจบภาคแรกของ Traditional Elliott Wave กันที่ Wave A, Wave B และ Wave C กันดีกว่าเพื่อที่จะได้ทำให้ Traditional Elliot Wave นั้นจบ Cycle โดยสมบูรณ์
Wave A
Wave A เป็น impulsive wave ในทางตรงกันข้ามกับเทรนด์หลัก คาร์แรคเตอร์ของ wave A นั้นจะมีส่วนที่คล้ายกันมากกับ wave 1 ซึ่งโดยส่วนใหญ่ wave A นั้นจะพัฒนาค่อนข้างช้า เนื่องจากความไม่แน่ใจของ นักลงทุน/เทรดเดอร์ ที่ยังลังเลมันตลาดจะถึงเวลาเป็นเทรนด์ที่สวนทางกับเทรนด์หลักก่อนหน้านี้หรือเปล่า แล้วส่วนหนึ่งของนักลงทุนก็เริ่มที่จะออกจากตลาดเพื่อทำกำไรจากเทรนด์หลักในรอบที่แล้ว บางส่วนจะยังคิดอยู่ว่าตลาดอาจจะยังอยู่ในเทรนด์หลัก แค่รอให้ราคา break ออกไปแค่นั้นเอง
Wave A นั้นจะแรงหรือไม่แรง ก็ขึ้นอยู่กับการจบ wave 5 ของเทรนด์หลักก่อนหน้านี้ ถ้า wave 5 นั้น extend ค่อนข้างมาก เราก็อาจจะเห็น wave A แรง แต่ถ้า wave 5 extend จาก wave 3 ไม่มากนัก เราก็อาจจะเห็น wave A ค่อนข้างตื้น หรืออาจจะออกมาในรูปแบบของ side-way market ได้ด้วย
เพราะฉะนั้น wave A จึงไม่มีการคำนวณแต่อย่างใด เราต้องรอจนกว่าจะจบ wave A เท่านั้น แต่มีข้อสังเกตุก็คือ ใน wave A จะต้องมี 5 wave ย่อยนั่นเอง
จากรูปตัวอย่าง Dow Jones Index 30 min จาก 2 ก.ย. – 24 ก.ย. 2020
เราจะเห็นว่า Wave A ค่อนข้างที่จะแรง ก็เนื่องมาจาก Wave 5 นั้น extended ค่อนข้างมากนั่นเอง
Wave B
Wave B นั้นมีคาร์เรคเตอร์เดียวกันกับ wave 2 ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะออกมาในรูปแบบของ Side-way, Balancing Area ทั้ง buyers และ sellers สลับกันเข้ามา control market
ซึ่ง wave B นั้นจะเป็น wave ที่สำคัญ เพราะเป็น wave ที่กำหนดทิศทางต่อไปในอนาคตอันใกล้ ว่า wave ต่อไปหรือการเคลื่อนไหวต่อไป จะมากหรือน้อย จะแรงหรือช้า
โดย wave B จะเป็นสวนทาง (corrective) กับ wave A ซึ่งก็สามารถ pull back กลับไปได้ตั้งแต่ 38% ถึง 138% แต่ปกติแล้วเราจะเป็น wave B pull back กลับไปที่ประมาณ 68% ซึ่งจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนะครับ ถ้า wave B จะ pull back กลับไปเกินกว่าจุดเริ่มต้นของ wave A เสียอีก
ซึ่งจากภาพตัวอย่าง จะเห็นว่า wave B นั้น pull back ขึ้นไปที่ประมาณ 50% จาก wave A
Wave C
Wave C เป็น wave ที่สำคัญมากใน EWT (Elliott’s Wave Theory) นั่นก็เป็นเพราะว่า ถ้าคุณสามารถหาจุดสิ้นสุดของ wave C ได้ คุณก็จะสามารถเข้าเทรด impulsive wave อันต่อไปได้ ซึ่งถ้าสามารถเข้าได้ตั้งแต่เริ่มต้นของ wave 1 คุณก็จะทำกำไรได้อย่างมาก ๆ ๆ
• Wave C โดยปกติแล้วจะเป็น wave ที่แรงที่สุดภายใน A ถึง C และจะเป็นรูปแบบของ impulsive wave ด้วย คือมี 5 wave ย่อย ซึ่งเมื่อจบ wave B นักลงทุนที่เคยเทรดมาเมื่อตอน impulsive wave หลัก จากออกจากเทรดกันที่ wave B มากที่สุด และจะรู้แล้วว่าเทรนด์ up ที่เคยมีมาแต่ก่อนนั้นจบแล้ว ซึ่งถ้าดูตามรูปใน chart 5 min จะเห็นว่าได้อย่างชัดเจนว่า wave C มี 5 wave ย่อย
• ที่ wave C เป็น wave ที่สุดใน 3 wave นั่นก็เป็นเพราะว่า ส่วนใหญ่แล้ว wave B จะ side-way หรือ balancing เพราะฉะนั้นเมื่อราคา break side-way range เทรดเดอร์ที่ซื้อไว้เมื่อจบ wave A จึงโดย stop loss แล้วราคาจึงวิ่งค่อนข้างแรง
• Wave C นั้นจะ extended จาก wave A ที่ประมาณ 100%-123% แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้า wave C จะ extended ได้ถึง 261% ขึ้นอยู่กับว่า wave B นั้นจะ consolidate กว้างและนานขนาดไหน
ภาพประกอบ
5 Min Chart
บทความโดย:

คำเตือนความเสี่ยงและข้อจำกัดความรับผิด:
มุมมองหรือความคิดเห็นที่แสดงในบทความข้างต้นแสดงถึงมุมมองส่วนบุคคลหรือความคิดเห็นของผู้เขียนซึ่งไม่ได้เป็นตัวแทนของ Infinox Capital (“Infinox”) Infinox ไม่มีข้อผูกมัดหรือภาระผูกพันในการตรวจสอบหรือยืนยันความถูกต้องของผู้เขียนบทความและข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความ Infinox จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ อันเกิดจากบทความดังกล่าว
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เป็น (และไม่ควรพิจารณาเป็น) คำแนะนำด้านการเงินการลงทุนหรือคำแนะนำอื่นใด Infinox ไม่ได้รับอนุญาตให้คำแนะนำการลงทุน ไม่มีความคิดเห็นใดในเนื้อหาที่ถือเป็นการแนะนำโดย Infinox หรือผู้เขียน ทั้งในเรื่องการลงทุน ความปลอดภัย การซื้อขายรวมถึงกลยุทธ์ใด ๆ สำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
CFDs เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเลเวอเรจจึงมีความเสี่ยงสูงต่อการสูญเสียเงินทุนอย่างรวดเร็ว 83.5% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินทุนเมื่อซื้อขายผลิตภัณฑ์ CFDs กับ INFINOX โปรดแน่ใจว่าคุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ CFDs และสามารถรองรับความเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินทุนได้

เปิดพอร์ต Forex, ทองคำ, ดัชนีหุ้น,
ลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลก ไม่มีขีดจำกัด
เปิดบัญชี STP/ECN
เปิดบัญชี Demo
การซื้อขาย FOREX และ CFD มีความเสี่ยงที่สามารถทำให้สูญเสียเงินท
ฝากและถอน
หลากหลายช่องทาง